ผู้เขียน หัวข้อ: เผยส.บอลฯ ชุดเก่าค้างจ่ายภาษี 131 ล้านบาท  (อ่าน 6234 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

มหาเทพจุติ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 892
    • ดูรายละเอียด

  สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ รับมอบงานจากผู้บริหารสมาคมฟุตบอลฯ ชุดเก่า เพิ่มเติม ถึงกับผงะ เมื่อสรรพากรแจ้งว่ายังค้างจ่ายภาษี 131 ล้านบาท เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนหนี้สินดังกล่าว

พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการสมาคมฯ และ นายชนินทร์ แก่นหิรัญ รองเลขาฯ ฝ่ายกฎหมาย รับส่งมอบงานจาก พ.อ.วรวุฒิ ทองศรีงาม อดีตเลขาธิการสมาคมฯ ชุดเก่า ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลฯ ใต้ถุนสนามศุภชลาศัย เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 มี.ค.59 ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการรับมอบงานไปแล้วเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทว่าวันดังกล่าวสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ชุดใหม่ได้เพียงสำเนาบางส่วนและกุญแจเข้าสำนักงานเท่านั้น ทำให้ทางสภากรรมการชุดเก่าได้ข้อเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 20 มีนาคมนี้

พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอล ให้สัมภาษณ์หลังการรับมอบงานครั้งนี้ว่า "เราได้รับมอบทรัพย์สิน สิ่งของพร้อมหนีสิ้นไว้ เพื่อทำการตรวจสอบต่อไปว่ามีเงินเหลือและหนีสิ้นเท่าไหร่ เกิดจากอะไร ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ก็คงต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพราะว่าน่าจะมีการใช้จ่ายเงินมากพอสมควร ซึ่งต้องใช้เวลา"

"หนีที่ค้างอยู่ ควรเป็นใครที่จะต้องรับผิดชอบ ทั้งชุดเก่าและชุดใหม่ต้องมาพูดคุยกัน และล่าสุดได้รับแจ้งว่ายังมีภาษีค้างจ่ายอีก 131 ล้านบาท ที่สมาคมยังไม่ได้จ่าย ซึ่งเราได้รับแจ้งจากสรรพากร ฉะนั้นเราต้องไปตรวจสอบย้อนหลัง ใครต้องรับผิดชอบ ใครเป็นผู้บกพร่องที่ไม่จ่ายภาษี"

"เราจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาแน่นอน และหนีสิ้นรวมตอนนี้คร่าวๆก็ประมาณ 140-150 ล้านบาท แบ่งเป็นภาษีที่สรรพากรแจ้งมา 131 ล้านบาท และอื่นๆอีกประมาณ 16 ล้านบาท ส่วนเงินในบัญชีเหลืออยู่ล้านกว่าบาท"

ขณะที่ ชนินทร์ แก่นหิรัญ รองเลขาธิการฝ่ายกฏหมาย กล่าวชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า "ในส่วนนี้เบื้องต้นมันเป็นข้อมูลจากผู้ที่รับผิดชอบทางสรรพากรแจ้งมาว่าเงินจำนวน 131 ล้านบาท ที่แจ้งให้เราทราบเป็นเงินในเรื่องของแวต(VAT) คือที่ผ่านมาทางสมาคมเวลารับเงินกับผู้บริจาค ซึ่งเราเข้าใจว่านั่นเป็นผู้บริจาคหรือผู้สนับสนุน ทำให้มองว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็นต้องไปออกแวต(VAT)ในการรับมา"

"แต่ทางสรรพากรเขาไม่ได้มองแบบนั้น เขามองว่าเงินทุกบาทที่เขาจ่ายมา มันเป็นเงินที่เกิดจากสัญญา พอมีสัญญาสิ่งที่เราให้บริษัทนั้นไป เขาตอบแทนกลับมา จึงเป็นค่าตอบแทน พอเป็นค่าตอบแทนจึงต้องมีแวต(VAT) แต่ที่ผ่านมาจากการสอบถามฝ่ายบัญชีไม่เคยออกแวต(VAT) ไม่เคยจดด้วย งั้นคงไม่มีข้อสงสัยแล้วว่าเรื่องเงินที่สรรพากรแจ้งมา มันมาจากไหน ถ้าปกติแล้วรายได้สมาคมถ้าเกินหนึ่งล้านแปดแสนจะต้องจดแวต(VAT)"

"ดังนั้นการบริหารงานที่ผ่านมาไม่ได้มองถึงเรื่องภาษีพวกนี้ไว้เลย มันจึงส่งผลมาวันนี้ พอมีการตรวจสอบ รายรับรายจ่าย สรรพากรก็แจ้งให้เราทราบถึงเรื่องนี้ ซึ่งวันจันทร์นี้ผมต้องไปจดแล้ว ฉะนั้นจากนี้ไปไม่ว่าบริษัท ห้างร้าน ที่มาสนับสนุนสมาคมในเชิงสัญญา เราจะต้องออกแวต(VAT)ให้เขา ถ้าไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นแบบนี้โดนย้อนหลังอีก ซึ่งขณะนี้เราก็คงจะเข้าไปเจรจากับสรรพากรถึงมุมมองของเราก่อน"

"แต่ก็แปลกใจเหมือนกันทำไมเรื่องแบบนี้ถึงมาโผล่ยุคนี้ ที่ผ่านมาไม่เห็นมีปัญหา ซึ่งเงินจำนวน 131 ล้านบาท สรรพากรนับตั้งแต่ปี 2550-2555 นี่ยังไม่รวมช่วงเวลาที่ฟุตบอลไทยบูมขึ้นอีกใน 3 ปีหลัง (2556-58) ที่ยังไม่นับ อย่างไรก็ตามเราคงจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาเพื่อตรวจสอบถึงเรื่องนี้"